แหล่งน้ำต้นทุน (Water Resources) คืออะไร?
แหล่งน้ำต้นทุนคือแหล่งน้ำที่สามารถนำมาใช้เป็นต้นน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการผลิตไฟฟ้า โดยแหล่งน้ำต้นทุนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้:
แหล่งน้ำต้นทุนผิวดิน (Surface Water Sources) เป็นแหล่งน้ำที่อยู่บนพื้นดินและสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เช่น:
- แม่น้ำ ลำคลอง → เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำโขง, คลองแสนแสบ
- ทะเลสาบ หนอง บึง → เช่น ทะเลสาบสงขลา, บึงบอระเพ็ด
- อ่างเก็บน้ำ เขื่อน → เช่น เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
- น้ำฝน → ใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนผ่านระบบกักเก็บน้ำฝน
ข้อดี: สามารถนำมาใช้ได้ง่ายและสะดวก
ข้อเสีย: ปริมาณอาจแปรผันตามฤดูกาลและเสี่ยงต่อมลพิษ
แหล่งน้ำต้นทุนใต้ดิน (Groundwater Sources) เป็นแหล่งน้ำที่สะสมอยู่ใต้ผิวดินและต้องใช้วิธีขุดเจาะขึ้นมา เช่น:
- น้ำบาดาล → ใช้ผ่านบ่อบาดาล เช่น บ่อน้ำบาดาลตื้น-ลึก
- ตาน้ำ (Springs) → น้ำใต้ดินที่ไหลออกมาตามธรรมชาติ เช่น ตาน้ำร้อน, น้ำพุเย็น
- ชั้นหินอุ้มน้ำ (Aquifers) → เป็นแหล่งสะสมน้ำใต้ดินในชั้นหิน
ข้อดี: มีความคงที่กว่าฤดูกาล เปลี่ยนแปลงน้อย
ข้อเสีย: ต้องใช้เทคโนโลยีในการขุดเจาะ และอาจเกิดปัญหาน้ำเค็มหรือน้ำกร่อย
ปัจจัยที่มีผลต่อแหล่งน้ำต้นทุน
1. ปริมาณฝน → หากฝนตกน้อย อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนลดลง
2. สภาพภูมิประเทศ → พื้นที่สูงชัน น้ำอาจไหลเร็วลงสู่แม่น้ำแทนการซึมลงใต้ดิน
3. การใช้ที่ดิน → การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้การซึมน้ำลงดินลดลง
4. มลพิษทางน้ำ → ขยะและสารเคมีทำให้แหล่งน้ำใช้ประโยชน์ได้น้อยลง
5. โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ → เช่น เขื่อน, อ่างเก็บน้ำ, ระบบชลประทาน
แนวทางการบริหารจัดการน้ำต้นทุนอย่างยั่งยืน
1. สร้างและพัฒนาแหล่งน้ำ → เช่น อ่างเก็บน้ำ, ฝายชะลอน้ำ
2. เพิ่มพื้นที่สีเขียว → ป่าต้นน้ำช่วยดูดซับน้ำฝนและรักษาน้ำใต้ดิน
3. ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างประหยัด → เช่น ใช้ระบบน้ำหยดในการเกษตร
4. จัดการคุณภาพน้ำ → ควบคุมมลพิษและบำบัดน้ำเสีย