
แหล่งกักเก็บน้ำสำรอง (Water Storage) คือสถานที่หรือระบบที่ใช้เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลน เช่น ฤดูแล้ง หรือเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ แหล่งกักเก็บน้ำเหล่านี้ช่วยให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำสำรองมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน การจัดการที่ดีต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำใหม่และการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า
แหล่งกักเก็บน้ำสำรอง คืออะไร?
แหล่งกักเก็บน้ำสำรอง (Water Storage) คือสถานที่หรือระบบที่ใช้เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลน เช่น ฤดูแล้ง หรือเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ แหล่งกักเก็บน้ำเหล่านี้ช่วยให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของแหล่งกักเก็บน้ำสำรอง
1. แหล่งกักเก็บน้ำผิวดิน (Surface Water Storage) เป็นแหล่งน้ำที่กักเก็บน้ำไว้บนพื้นดิน เช่น
- เขื่อน (Dam & Reservoir) เช่น เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
- อ่างเก็บน้ำ (Reservoirs) ใช้เก็บน้ำฝนและน้ำจากแม่น้ำเพื่อใช้ในการเกษตรและอุปโภคบริโภค
- ฝาย (Weir & Check Dam) ใช้ชะลอน้ำในลำธารหรือแม่น้ำ หรือเป็นแหล่งประปาภูเขา
- หนอง บึง และแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น บึงบอระเพ็ด ทะเลสาบสงขลา
ข้อดี: สามารถกักเก็บน้ำในปริมาณมากและใช้ได้หลายรูปแบบ
ข้อเสีย: อาจเกิดการตื้นเขินจากการสะสมของตะกอนและเสี่ยงต่อการระเหยของน้ำ
2.แหล่งกักเก็บน้ำใต้ดิน (Groundwater Storage) เป็นแหล่งน้ำที่เก็บสะสมอยู่ใต้ดิน เช่น
- น้ำบาดาล (Groundwater Wells) สูบน้ำจากชั้นหินอุ้มน้ำมาใช้
- ธนาคารน้ำใต้ดิน(Underground Water Bank)ใช้แนวคิดเติมน้ำลงใต้ดินเพื่อลดการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง
- โพรงน้ำธรรมชาติ (Caves & Underground Lakes) แหล่งน้ำใต้ดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ข้อดี: ลดการระเหยของน้ำ และช่วยรักษาความชุ่มชื้นของดิน
ข้อเสีย: ต้องใช้เทคโนโลยีในการขุดเจาะและอาจมีการปนเปื้อนของสารเคมี
3. แหล่งกักเก็บน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น (Artificial Storage Systems)
- ถังเก็บน้ำ (Water Tanks & Cisterns) ใช้เก็บน้ำฝนหรือน้ำประปา
- ระบบกักเก็บน้ำฝน (Rainwater Harvesting Systems) เช่น แทงก์เก็บน้ำฝนบนหลังคา
- ระบบบำบัดและกักเก็บน้ำเสียเพื่อใช้ใหม่ (Recycled Water Storage) ใช้น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดมาใช้ในการเกษตรหรืออุตสาหกรรม
ข้อดี: สามารถควบคุมปริมาณและคุณภาพของน้ำได้
ข้อเสีย: ต้องมีการบำรุงรักษาและอาจมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
แนวทางการบริหารจัดการแหล่งกักเก็บน้ำสำรอง
1. การบริหารจัดการปริมาณน้ำ
- เพิ่มความจุแหล่งน้ำ ขุดลอกอ่างเก็บน้ำและฝาย ให้เหมาะสมกับปริมาณที่ต้องการใช้งาน
- สร้างระบบกระจายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบส่งน้ำชลประทาน ให้มีขนาดและปริมาตรที่เหมาะสม
- ลดการสูญเสียน้ำ ปลูกต้นไม้รอบแหล่งน้ำเพื่อลดการระเหย หรือปูพลาสติกป้องการรั่วซึม
2. การบริหารคุณภาพน้ำ
- ควบคุมมลพิษ ป้องกันการทิ้งขยะและสารเคมีลงแหล่งน้ำหรือแหล่งต้นน้ำ
- บำบัดน้ำเสีย ใช้ระบบบำบัดน้ำก่อนปล่อยลงแหล่งน้ำ
- ฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำ เช่น ปลูกพืชน้ำเพื่อช่วยกรองมลพิษ
3. การบริหารจัดการการใช้น้ำ
- ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างประหยัด ใช้ระบบน้ำหยดและน้ำพุ่งในการเกษตร
- แบ่งโควตาการใช้น้ำ กำหนดปริมาณการใช้น้ำตามช่วงเวลา
- สร้างแหล่งน้ำสำรองเพิ่มเติม พัฒนาและขุดเจาะแหล่งน้ำใต้ดินหรือแหล่งน้ำสำรอง
บทสรุป
แหล่งกักเก็บน้ำสำรองมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน การจัดการที่ดีต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำใหม่และการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า